สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
อย่าว่าพ่อบังคับเลยครับ เพราะดูท่าก็น่าจะเอาตัวเองไม่รอดจริงๆนั่นแหละ
เงินเดือน 13,000 ใช้ไปแล้ว 12,000 ได้ให้พ่อแม่หรือช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านมั่งรึเปล่าก็ไม่รู้
โบนัสออกมาก็เอาไปทำโรงรถหมด เดี๋ยวพอต้องบำรุงรักษา เปลี่ยนยาง เข้าศูนย์ ... ไม่รู้จะเอาตังมาจากไหน ??
เรื่องเงินฝากก็แล้วแต่จะคิด แต่อยากจะบอกว่า น้องกำลังใช้เงินตึงเกินไป และประมาทในการดำเนินชีวิตมากครับ
เงินเดือน 13,000 ใช้ไปแล้ว 12,000 ได้ให้พ่อแม่หรือช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านมั่งรึเปล่าก็ไม่รู้
โบนัสออกมาก็เอาไปทำโรงรถหมด เดี๋ยวพอต้องบำรุงรักษา เปลี่ยนยาง เข้าศูนย์ ... ไม่รู้จะเอาตังมาจากไหน ??
เรื่องเงินฝากก็แล้วแต่จะคิด แต่อยากจะบอกว่า น้องกำลังใช้เงินตึงเกินไป และประมาทในการดำเนินชีวิตมากครับ
ความคิดเห็นที่ 2
ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว "บังคับ" คงไม่ได้บังคับได้จริงๆหรอก แต่คงแค่ไม่พอใจถ้าไม่ทำตาม เรียกว่า"แนะนำอย่างเข้มข้น" ละกัน
พ่อแม่ ผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง ถ้า"แนะนำอย่างเข้มข้น" ให้ฝากเงิน...ถ้าเจ้าของเงินยังฝากในชื่อตัวเอง สมุดบัญชีอยู่กับตัวเอง บัตรATMบัตรdebitยังอยู่กับตัวเอง ทำ online banking รหัสไม่ได้ไปบอกใคร....ยังไม่ต้องคิดมากครับ
เมื่อไร ต้องเอาเงินสดไปฝากกับคนที่แนะนำให้ฝาก ไปฝากในชื่อเขา หรือเขาถือสมุดบัญชี ถือบัตรATMบัตรdebitของเรา....นั่นล่ะครับ เริ่มคิดมากได้ละ
พ่อแม่ ผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง ถ้า"แนะนำอย่างเข้มข้น" ให้ฝากเงิน...ถ้าเจ้าของเงินยังฝากในชื่อตัวเอง สมุดบัญชีอยู่กับตัวเอง บัตรATMบัตรdebitยังอยู่กับตัวเอง ทำ online banking รหัสไม่ได้ไปบอกใคร....ยังไม่ต้องคิดมากครับ
เมื่อไร ต้องเอาเงินสดไปฝากกับคนที่แนะนำให้ฝาก ไปฝากในชื่อเขา หรือเขาถือสมุดบัญชี ถือบัตรATMบัตรdebitของเรา....นั่นล่ะครับ เริ่มคิดมากได้ละ
ความคิดเห็นที่ 18
ตราบใด ที่คุณ มอง ความหวังดีของ พ่อ ไปในทางร้าย คุณ คงจะก้าว ไป ข้างหน้าได้ยาก นะ ........ เพราะดวงตาของคุณ ยังมองไม่เห็นธรรม นะ .... ยังหลงผิดติด กับดักของตัวเอง ที่คิดว่า ทำงานหาเงินเองได้แล้ว จะใช้เงินอย่างไรก็ได้ขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณ ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังพ่อแม่แล้ว........
คุณ รู้หรือเปล่า ว่า พ่อของคุณ กำลังสอนคุณ ให้รู้จักการบริหารเงิน สอนคุณให้มีสติในการใช้เงิน สอนคุณให้รู้จักเห็นคุณค่าของเงิน แต่ตรงกันข้าม คุณกลับหลงผิด ไปมอง ว่า ที่พ่อ ตั้งกฏเกณฑ์ บังคับ เข้มงวดในการเก็บออม เพราะพ่อต้องการหวังประโยชน์ ของตัวพ่อเองใน อนาคต ผมว่าคุณ คิดผิดถนัดนะ อย่างไม่น่าให้อภัย เลยนะครับ ถ้าพ่อคุณ รู้ ว่าคุณคิดกับท่านอย่างนี้ ท่านคงจะเสียใจ เอา มาก ๆ เลยนะครับ................
การที่พ่อของคุณ พยายามขอร้องในทำนองบังคับ ให้คุณ รู้จักเก็บสะสมเงิน ให้มีจำนวนเงินมากขี้นเรื่อย ๆ พ่อ เขาคงไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากคุณหรอกนะ พยายามอย่าเข้าใจพ่อผิดในเรื่องแบบนี้ เป้าหมาย ที่พ่อให้คุณเก็บเงินให้มากที่สุด ก็เพราะท่านต้องการให้คุณ มีความมั่นคงในชีวิต มีความก้าวหน้า ในชีวิต ถ้าคุณมีเงินเก็บมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เป็นพ่อ เขา จะได้สบายใจมากขึ้น หากวันใด วันหนึ่ง คุณ ตกงาน หรือ ไม่มีงานทำ หรือ วันใด วันหนึ่ง ถ้าคุณ ไม่มีพ่อไม่มีแม่อยู่ข้างกายแล้ว หากคุณมีเงินก้อนเก็บสะสมเป็นจำนวนมาก คุณก็จะสามารถมีเงินใช้ และ อยู่ได้ด้วยตนเองอย่างราบรื่นและมั่นคง ช่วยเหลือตนเอง ได้ แล้วทำไม คุณไม่คิด จะทำให้พ่อ ของ คุณ มีความสบายใจ ขึ้นบ้างไม่ได้เชียวหรือ ?????
สิ่งที่คุณจะทำในเรื่องการเก็บเงิน มันล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับตัวของคุณทั้งนั้น พ่อของคุณคงไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากคุณเลยนะ ท่านต้องยอมเจ็บ ยอมให้คุณด่า ยอมให้คุณเกลียดชัง เพื่อแลก กับ การสนใจเก็บเงินของคุณ คุณ คิดว่า มัน เป็นเรื่อง สนุก หรือ ครับ.....
พ่อของคุณ เขาหวังจะให้คุณมีความคิด มีสติ ในการใช้เงิน รู้จักเก็บออม อยู่กิน อาศัยกับพ่อกับแม่แล้ว เมื่อมีรายได้ ก็ควรจะให้เงินกับท่านบ้าง จะมากจะน้อย ก็ไม่เป็นไร แม้พ่อจะไม่ได้เรียกร้องอะไร คุณก็ควรจะเจียดเงินบางส่วน ทำบุญ กับ พ่อกับแม่บ้างนะ ทุกเดือนได้ยิ่งดี ชีวิตของคุณ จะได้เจริญรุ่งเรือง อย่ามองข้ามตรงจุดนี้นะ ถ้า คุณทำบุญ กับพ่อกับแม่ที่บ้านไม่ได้ แต่รู้จักทำบุญ กับพระนอกบ้าน มันคงไม่เกิดประโยชน์หรอกนะ เพราะพระในบ้าน คุณยังไม่สนใจ เอาใจใส่ เลยนะ .........(หวังว่าคงไม่ต้องมาอ้างว่า พ่อกับแม่ ยังทำงาน มีรายได้นะ)
ส่วนคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ ก็เหมือนกัน หากท่านทั้งสอง ยังทำงาน มีรายได้ อยู่ ถ้าลูก ให้ เงิน แล้ว ก็ควรจะรับ ไว้ ไม่ควรจะทำเป็นใจดี บอกว่า ไม่อยากจะรบกวน เงินลูก การที่ลูกให้เงินคุณแล้ว คุณควรจะรับไว้ ถือเป็นการรับทำบุญ ให้กับลูก ลูกจะได้เกิดความภาคภูมิใจ ที่ได้ให้เงินพ่อกับแม่ใช้ เงินที่ลูกให้ ในแต่ละเดือน จะใช้หรือไม่ใช้ ผมขอแนะนำ ให้ พ่อและแม่ ก็ควรจะรวบรวมเงินที่ลูกให้ เก็บสะสมไว้ตั้งเป็นเงินกองทุน สำหรับลูกไว้ เก็บเงินที่ลูกให้นี้ พยายามเก็บรักษาไว้ ให้มีปริมาณเงินมาก ๆ เข้าไว้ เงินส่วนนี้ จะเป็นประโยชน์กับลูกในอนาคต ยามใด ที่ลูกมีความจำเป็น ต้องการใช้เงิน เช่น ลูกอยากจะซื้อ คอมพิวเตอร์ หรือซื้อสิ่งของจำเป็นบางอย่าง ที่มีราคาแพง ลูกไม่มีเงินซื้อ คนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ ก็ค่อยเอาเงินที่คุณตั้งเป็นกองทุนนี้ เอาเงินออกมาช่วยเหลือ ให้ลูกได้ใช้เงินนี้ ซื้อสิ่งของที่จำเป็นตามที่เขาต้องการ แล้วค่อยให้ลูกผ่อนเงินคืนกองทุน โดยไม่ต้องคิดดอกเบี้ย นะ............. เท่ากับช่วยให้ลูก ไม่ต้อง ไปเป็นหนี้ เป็นสิน กับใคร อื่น ช่วยเหลือ ลูกให้รู้จักบริหารความเป็นหนี้ ได้อย่างราบรื่นนะ ..................
ส่วนเรื่องอนาคต เมื่อคุณ จะไปมีครอบครัว จะเก็บเงินอย่างไร ให้เลี้ยงดูพ่อแม่ให้อยู่ดีกินดี คงตอบได้ ยากนะ ถ้าตราบใดที่คุณยังเป็นโสดอยู่ ทำการบริหารการเก็บเงินไม่ได้ดีเท่าที่ควรแล้ว เมื่อมีครอบครัวแล้ว จะมีภาระมาก ขึ้น พ่อแม่ ก็คงจะหวังพึ่งยาก แล้วนะ .............ตอนนี้ ถือ เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณ ควรจะขยัน เก็บเงินให้มากขึ้น และพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่พ่อของคุณ บอกไว้นะ ......อย่ามองข้ามความหวังดี ของพ่อไป นะครับ ..................
ิ
ผมชี้ทางที่ดี และ บอกได้ เพียงแค่นี้ นะ ส่วน คุณจะคิดอย่างไร ก็แล้วแต่ความสบายใจของคุณ นะ ใครจะมองผม ในทางร้าย ผมไม่ว่านะ เพราะผม ได้ชี้ นำ ไปในทางที่ดี แล้ว นะ แล้วแต่ใครจะมีดวงตา เห็น ธรรม นะ ................5555555555
คุณ รู้หรือเปล่า ว่า พ่อของคุณ กำลังสอนคุณ ให้รู้จักการบริหารเงิน สอนคุณให้มีสติในการใช้เงิน สอนคุณให้รู้จักเห็นคุณค่าของเงิน แต่ตรงกันข้าม คุณกลับหลงผิด ไปมอง ว่า ที่พ่อ ตั้งกฏเกณฑ์ บังคับ เข้มงวดในการเก็บออม เพราะพ่อต้องการหวังประโยชน์ ของตัวพ่อเองใน อนาคต ผมว่าคุณ คิดผิดถนัดนะ อย่างไม่น่าให้อภัย เลยนะครับ ถ้าพ่อคุณ รู้ ว่าคุณคิดกับท่านอย่างนี้ ท่านคงจะเสียใจ เอา มาก ๆ เลยนะครับ................
การที่พ่อของคุณ พยายามขอร้องในทำนองบังคับ ให้คุณ รู้จักเก็บสะสมเงิน ให้มีจำนวนเงินมากขี้นเรื่อย ๆ พ่อ เขาคงไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากคุณหรอกนะ พยายามอย่าเข้าใจพ่อผิดในเรื่องแบบนี้ เป้าหมาย ที่พ่อให้คุณเก็บเงินให้มากที่สุด ก็เพราะท่านต้องการให้คุณ มีความมั่นคงในชีวิต มีความก้าวหน้า ในชีวิต ถ้าคุณมีเงินเก็บมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เป็นพ่อ เขา จะได้สบายใจมากขึ้น หากวันใด วันหนึ่ง คุณ ตกงาน หรือ ไม่มีงานทำ หรือ วันใด วันหนึ่ง ถ้าคุณ ไม่มีพ่อไม่มีแม่อยู่ข้างกายแล้ว หากคุณมีเงินก้อนเก็บสะสมเป็นจำนวนมาก คุณก็จะสามารถมีเงินใช้ และ อยู่ได้ด้วยตนเองอย่างราบรื่นและมั่นคง ช่วยเหลือตนเอง ได้ แล้วทำไม คุณไม่คิด จะทำให้พ่อ ของ คุณ มีความสบายใจ ขึ้นบ้างไม่ได้เชียวหรือ ?????
สิ่งที่คุณจะทำในเรื่องการเก็บเงิน มันล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับตัวของคุณทั้งนั้น พ่อของคุณคงไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากคุณเลยนะ ท่านต้องยอมเจ็บ ยอมให้คุณด่า ยอมให้คุณเกลียดชัง เพื่อแลก กับ การสนใจเก็บเงินของคุณ คุณ คิดว่า มัน เป็นเรื่อง สนุก หรือ ครับ.....
พ่อของคุณ เขาหวังจะให้คุณมีความคิด มีสติ ในการใช้เงิน รู้จักเก็บออม อยู่กิน อาศัยกับพ่อกับแม่แล้ว เมื่อมีรายได้ ก็ควรจะให้เงินกับท่านบ้าง จะมากจะน้อย ก็ไม่เป็นไร แม้พ่อจะไม่ได้เรียกร้องอะไร คุณก็ควรจะเจียดเงินบางส่วน ทำบุญ กับ พ่อกับแม่บ้างนะ ทุกเดือนได้ยิ่งดี ชีวิตของคุณ จะได้เจริญรุ่งเรือง อย่ามองข้ามตรงจุดนี้นะ ถ้า คุณทำบุญ กับพ่อกับแม่ที่บ้านไม่ได้ แต่รู้จักทำบุญ กับพระนอกบ้าน มันคงไม่เกิดประโยชน์หรอกนะ เพราะพระในบ้าน คุณยังไม่สนใจ เอาใจใส่ เลยนะ .........(หวังว่าคงไม่ต้องมาอ้างว่า พ่อกับแม่ ยังทำงาน มีรายได้นะ)
ส่วนคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ ก็เหมือนกัน หากท่านทั้งสอง ยังทำงาน มีรายได้ อยู่ ถ้าลูก ให้ เงิน แล้ว ก็ควรจะรับ ไว้ ไม่ควรจะทำเป็นใจดี บอกว่า ไม่อยากจะรบกวน เงินลูก การที่ลูกให้เงินคุณแล้ว คุณควรจะรับไว้ ถือเป็นการรับทำบุญ ให้กับลูก ลูกจะได้เกิดความภาคภูมิใจ ที่ได้ให้เงินพ่อกับแม่ใช้ เงินที่ลูกให้ ในแต่ละเดือน จะใช้หรือไม่ใช้ ผมขอแนะนำ ให้ พ่อและแม่ ก็ควรจะรวบรวมเงินที่ลูกให้ เก็บสะสมไว้ตั้งเป็นเงินกองทุน สำหรับลูกไว้ เก็บเงินที่ลูกให้นี้ พยายามเก็บรักษาไว้ ให้มีปริมาณเงินมาก ๆ เข้าไว้ เงินส่วนนี้ จะเป็นประโยชน์กับลูกในอนาคต ยามใด ที่ลูกมีความจำเป็น ต้องการใช้เงิน เช่น ลูกอยากจะซื้อ คอมพิวเตอร์ หรือซื้อสิ่งของจำเป็นบางอย่าง ที่มีราคาแพง ลูกไม่มีเงินซื้อ คนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ ก็ค่อยเอาเงินที่คุณตั้งเป็นกองทุนนี้ เอาเงินออกมาช่วยเหลือ ให้ลูกได้ใช้เงินนี้ ซื้อสิ่งของที่จำเป็นตามที่เขาต้องการ แล้วค่อยให้ลูกผ่อนเงินคืนกองทุน โดยไม่ต้องคิดดอกเบี้ย นะ............. เท่ากับช่วยให้ลูก ไม่ต้อง ไปเป็นหนี้ เป็นสิน กับใคร อื่น ช่วยเหลือ ลูกให้รู้จักบริหารความเป็นหนี้ ได้อย่างราบรื่นนะ ..................
ส่วนเรื่องอนาคต เมื่อคุณ จะไปมีครอบครัว จะเก็บเงินอย่างไร ให้เลี้ยงดูพ่อแม่ให้อยู่ดีกินดี คงตอบได้ ยากนะ ถ้าตราบใดที่คุณยังเป็นโสดอยู่ ทำการบริหารการเก็บเงินไม่ได้ดีเท่าที่ควรแล้ว เมื่อมีครอบครัวแล้ว จะมีภาระมาก ขึ้น พ่อแม่ ก็คงจะหวังพึ่งยาก แล้วนะ .............ตอนนี้ ถือ เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณ ควรจะขยัน เก็บเงินให้มากขึ้น และพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่พ่อของคุณ บอกไว้นะ ......อย่ามองข้ามความหวังดี ของพ่อไป นะครับ ..................
ิ
ผมชี้ทางที่ดี และ บอกได้ เพียงแค่นี้ นะ ส่วน คุณจะคิดอย่างไร ก็แล้วแต่ความสบายใจของคุณ นะ ใครจะมองผม ในทางร้าย ผมไม่ว่านะ เพราะผม ได้ชี้ นำ ไปในทางที่ดี แล้ว นะ แล้วแต่ใครจะมีดวงตา เห็น ธรรม นะ ................5555555555
แสดงความคิดเห็น
ทำงาน ใช้เงินเดือนตัวเอง ไม่เคยขอพ่อแม่ แต่พ่อบังคับให้เอาเงินเดือนบางส่วนมาฝากเป็นเงินเก็บสะสมทุกเดือน
เงินเดือนของเรา 13,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแต่ละเดือนเราจะมีภาระในค่าใช้จ่ายอยู่พอสมควร รวมๆแล้วประมาณ 9,000 บาท ก็จะเหลือ
ประมาณ 4,000 กว่าบาท (ค่ากิน) โดยปกติแต่ละเดือนจะต้องฝากเดือนละ 3,000 บาท แต่พอเราเริ่มผ่อนรถ เราก็ฝากเดือนละ 1,000 บาท
เงินที่ต้องฝากนี่คือ พ่อบังคับให้เราต้องฝากคะ เพราะเผื่อเป็นค่า กยศ (เรารู้นะคะว่าการฝากเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งพ่อก็ชอบทวงเงินให้ฝาก เช่น สิ้นปีที่ผ่านมาเงินโบนัสเราออก แต่เราใช้ไปกับการสร้างโรงจอดรถแล้ว ซึ่งพ่ออาจลืมไป จนวันนั้นมาถามอีกว่าเงินโบนัสออกยังจะได้เอาเงินมาฝากเพิ่ม ซึ่งสำหรับพ่อเราเรื่องเงินเรื่องใหญ่มาก ทุกวันนี้เราก็ท้อนิดนึงเหมือนเราใช้เงินได้ไม่เต็มที่เลย ทั้งที่เป็นเงินเดือนของเราเอง)
แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเราต้องเก็บเงินเผื่ออนาคต เราก็เห็นหลายครอบครัวนะคะ พ่อแม่เขาให้ลูกตลอด แบบจ่ายค่านี่ นุ่น นั่นให้ ลูกไม่ต้องเหนื่อย แต่ก็นะ ต้นทุนชีวิตคนเราต่างกัน เราก็คงต้องดิ้นรนต่อไป เพราะเราไม่ได้รวยอย่างใคร แต่ก็มีความสุขคะที่ได้อยู่พร้อม พ่อ แม่ เรา แต่แค่อยากระบายคะ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่ถ้าขาดเงินก็ทำไรไม่ได้เหมือนกันในสังคม
เราก็อยากจะรู้อีกกรณีนะคะ ถ้าเกิดว่าเราไปมีครอบครัว เงินที่เราหามาได้เราจะแบ่งยังไงดีให้พอดูแลทั้งเรา พ่อแม่ และครอบครัวเรา เพราะเงินเดือนเราก็นิดเดียว แล้วเราจะสามารถมีครอบครัวที่อบอุ่นไหม นี่เรายังคิดไม่ออกเลยคะ ยังไงขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาอ่านคะ